หมอวิสุทธิ์’สึกแล้ว เปิดคดี จากคดีสะเทือนขวัญ นักโทษประหาร สู่เส้นทางธรรม

เบิ่งแล้วรวย59  คดี จิ๊ ก ซอ ว์ มนุษย์  คดี ข้าม เวลา  ข่าว ดังข้ามเวลา ด ช 13  คดี นวลฉวี ย้อน หลัง ไป เมื่อ 40 กว่า ปีก่อน  บันทึก รัก นวลฉวี  นพ.ศรชาติ ศิริโชติ  จิ๊ ก ซอ มนุษย์  ย้อนคดีดัง

ปริศนาฆ่าเงียบ    3 ก.ย.61- นายต่อตระกูล ยมนาค อดีตคณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับ นพ.วิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ อดีตนักโทษผู้เคยต้องโทษประหารในคดีสะเทือนขวัญฆ่าหั่นศพภรรยาตัวเอง ว่าหมอวิสุทธิ์ นายแพทย์ผู้มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เคยมีตำแหน่งบริหารระดับอดีตรองอธิการจุฬาฯ พลิกผันเป็นนักโทษประหาร เพราะฆ่าภรรยาแล้วเฉือนเป็นชิ้นๆทำลายหลักฐานเมื่อพ้นโทษ ได้ออกมาบวช อยู่หลายปี ทราบว่าล่าสุดขณะนี้ได้ลาสึกออกมาแล้วเมื่อบวชอยู่ หมอวิสุทธิ์ได้บอกว่า เสียดายมากที่อดีตมัวแต่มุ่งแต่ทำงาน ไม่ได้สนใจที่จะศึกษาปฏิบัติธรรมความผิดพลาดในอดีตของผม มันเป็นเพราะห่างไกลการอบรมจิตใจตัวเองปล่อยกิเลส ความโลภ ความโกรธ ความหลงครอบงำตัวเอง จนไม่สามารถควบคุมดูแลตัวเองได้ถ้าเมื่อก่อนผมให้ความสำคัญกับเรื่องการพัฒนาจิตใจ ชีวิตผมคงไม่ต้องมีชะตากรรมแบบนี้”… เบิ่งแล้วรวย59

คดีหมอวิสุทธิ์ ฆ่าเมีย

อภิณ์รัตน์เป็นคดีที่น่าศึกษา แม้ว่าจะมีการวางแผนฆาตกรรม มาเป็นอย่างดี ไม่พบศพ ไม่มีประจักษ์พยาน ฯลฯ มีแต่พยานวัตถุ พยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณี และการตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น ผู้ต้องหาเป็นนายแพทย์ มีความรู้ ให้การปฎิเสธ แต่ก็ไม่พ้นกระบวนการนิติวิทยาศาสตร์

แต่ก่อน มักจะมีคำพูดเสมอว่า “สู้ความกับผี” ไม่เหมือนสู้ความกับคน สู้ความกับผีไม่มีทางติดคุก เพราะผี แม้จะเป็นประจักษ์พยานโดยตรง ก็ไม่สามารถมาให้การ หรือเบิกความได้ แต่ปัจจุบัน คำกล่าวนี้ใช้ไม่ได้แล้ว เพราะความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ของโลกเราที่ยอมรับและศาลเชื่อและรับฟัง คดี จิ๊ ก ซอ ว์ มนุษย์

คดีนี้ถือว่าสั่นสะเทือนวงการ กระบวนการยุติธรรมของไทยเรา ทางพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานจนเสร็จสิ้น มีความเห็นทางคดีเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา เสนอสำนวนไปยังพนักงานอัยการ ปรากฎว่า พนักงานอัยการมีความเห็นทางคดี สั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา แต่ ป.วิอาญา ม.34 คำสั่งไม่ฟ้องคดี หาตัดสิทธิผู้เสียหายฟ้องคดีโดยตนเองไม่ ณ จุดนี้เอง ทำให้คดีดังกล่างขึ้นสู่กระบวนการพิจารณาชั้นศาล ถึง 3 ศาล แม้ว่า ม.227 ให้ศาลใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้งปวง อย่าพิพากษาลงโทษ จนกว่าจะแน่ใจว่ามีการกระทำผิดจริง และจำเลยเป็นผู้กระทำผิดนั้น ฯลฯ ที่สุด จำเลยถูกศาลตัดสินลงโทษ ประหารชีวิต คดี ข้าม เวลา      เรามาเริ่มอ่าน ศึกษากัน 

ย้อนคดีดัง

ปริศนาฆ่าเงียบ

วันที่ 20 ก.พ. 44 น.พ.วิสุทธิ์ได้วางแผนลวงให้ พ.ญ.ผัสพร ไปพบที่ร้านอาหารโออิชิ สยามดิสคัฟเวอรี่ โดยนัดหมายว่า จะเจรจาเรื่องการซ่อมแซมบ้าน ก่อนที่ทั้ง 2 จะพบกัน น.พ.วิสุทธิ์ได้ใช้โทรศัพท์มือถือ โทร.เข้าเพจเจอร์ของตัวเองระบุข้อความว่า “ผมติดธุระอยู่ที่หัวหมากอาจจะไปช้า” ลงชื่อ “สุธี” เพื่อไว้ยืนยันกับ พ.ญ.ผัสพร ว่า นายสุธีช่างรับเหมา ที่อ้างนั้นติดธุระ ข่าว ดังข้ามเวลา ด ช 13

 

ปริศนาฆ่าเงียบ

จิ๊ ก ซอ มนุษย์

              เมื่อถึงเวลา พ.ญ.ผัสพรมาถึงร้านดังกล่าว มีภาพกล้องโทรทัศน์วงจรปิดบันทึกภาพว่า ทั้งคู่เดินห่างกันเข้า

ไปในร้าน 

             หลังรับประทานอาหารเสร็จ พยานที่เป็นพนักงานในร้านเห็นท่าทีของ พ.ญ.ผัสพร ดูเหม่อลอย แต่เมื่อสอบถาม น.พ.วิสุทธิ์กลับตอบแทนว่า “ภรรยาเมาน้ำพันช์” คดี นวลฉวี ย้อน หลัง ไป เมื่อ 40 กว่า ปีก่อน 

ปริศนาฆ่าเงียบ

นพ.ศรชาติ ศิริโชติ

บันทึก รัก นวลฉวี               ทั้งๆ ที่น้ำพันช์ของร้านปราศจากส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ระหว่างที่เดินออกจากร้าน กล้องโทรทัศน์ วงจรปิดยังสามารถบันทึกภาพขณะ น.พ.วิสุทธิ์เดินประคอง พ.ญ.ผัสพรที่เดินซวนเซ เหมือนไม่มีเรี่ยวแรง โดยก่อนหน้านั้น ตอนช่วงสายวันเดียวกัน น.พ.วิสุทธิ์ ได้ไปเปิดห้องพักเลขที่ 318 อาคารวิทยนิเวศน์ ตั้งอยู่ภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว

               หลังจากนั้นเวลาประมาณ 16.00 น. วันเดียวกัน น.พ.วิสุทธิ์เดินทางไปรับลูกสาวที่เรียนอยู่โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ กลับไปส่งบ้านพักย่านลาดพร้าว ก่อนจะไปซื้อถุงขยะขนาดใหญ่จำนวน 3 ห่อ พร้อมก้อนดับกลิ่น และกระดาษชำระที่ห้างโรบินสัน สาขาสีลม

               จนกระทั่งวันรุ่งขึ้น น.พ.วิสุทธิ์ได้ไปเปิดห้องพักเลขที่ 1631 โรงแรมโซฟิเทล เซ็นทรัล พลาซา ลาดพร้าว พร้อมกับว่าจ้างให้พยานที่รับพิมพ์เอกสารอยู่ข้างจุฬาฯ พิมพ์จดหมายขึ้น 2 ฉบับ

               ฉบับแรก  ส่งถึง น.พ.สุรังษี จงวิวัฒน์สุนทร ผอ.รพ.บุรฉัตรไชยากร

ฉบับที่ 2 ส่งถึงนายชัชวาล และ น.ส.กิ่งกาญจน์ บุญเกษมสันติ ลูกของทั้ง 2 คน มีเนื้อหาใจความว่า “ขอไปปฏิบัติธรรมต่างจังหวัด 3 วัน” พร้อมลงลายมือชื่อ พ.ญ.ผัสพร เป็นจดหมายที่ถูกส่งมาจากจังหวัดจันทบุรี

               แต่ภายหลังข่าวการหายตัวของ พ.ญ.ผัสพรถูกเปิดเผยขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการสืบสวน จนนำไปสู่การเข้าตรวจค้นในห้องพักที่ 318 อาคารวิทยนิเวศน์ พบคราบเลือดภายในท่อน้ำทิ้งและผ้าพลาสติกกันน้ำ จากการดูดสิ่งปฏิกูลในบ่อเกรอะ พบชิ้นเนื้อมนุษย์รวมน้ำหนัก 3,330 กรัม

                เช่นเดียวกับการตรวจบ่อเก็บสิ่งปฏิกูลที่ 25-26 ของโรงแรมโซฟิเทล เซ็นทรัล พลาซา ลาดพร้าว พบชิ้นเนื้อและกระดูกบางส่วนที่ถูกบริษัทเอกชนสูบไปทิ้งในที่กำจัดขยะ ภายในซอยอ่อนนุช 65 จากการตรวจสอบของสถาบันนิติเวชฯ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า ดีเอ็นเอ ตรงกับ พ.ญ.ผัสพร

นพ.ศรชาติ ศิริโชติ                การสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเสร็จสิ้น ได้ส่งสำนวนให้อัยการพิจารณา แต่อัยการสั่งไม่ฟ้อง ทำให้นายโชติ วัฒนเชษฐ์ พ่อของ พ.ญ.ผัสพร ทำการฟ้องรเองต่อศาลเอง ซึ่งศาลได้ประทับรับฟ้องทั้งหมด

                นายโชติ เคยเบิกความในศาลว่า ก่อนหน้านี้ทั้งคู่เคยมีเรื่องราวฟ้องร้องทั้งเรื่องการหย่าร้างและแบ่งทรัพย์สินกันมาแล้ว โดยที่ พ.ญ.ผัสพร ทราบว่า น.พ.วิสุทธิ์ไปคบหากับผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นคนไข้ โดน พ.ญ.ผัสพรข่มขู่ว่าจะนำเรื่องร้องเรียนแพทยสภา จน น.พ.วิสุทธิ์ยินยอมทำบันทึกตกลงว่าจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับหญิงอื่นอีก

                    ต่อมาราวปี 42 ทั้งคู่ทะเลาะกัน จนถึงขั้นที่ น.พ.วิสุทธิ์ทำร้าย พ.ญ.ผัสพรด้วยการบีบคอ ก่อนที่ทั้ง 2 คนจะตกลงแบ่งเงินกัน ฝ่าย น.พ.วิสุทธิ์ได้ไปทั้งสิ้น 13 ล้านบาท ส่วน พ.ญ.ผัสพรได้ไปจำนวน 11 ล้านบาท

               หลังจากนั้นทั้งคู่ยังมีเรื่องทะเลาะกันอีกหลายครั้ง จากเรื่องราวดังกล่าวนำไปสู่สาเหตุที่ทำให้ น.พ.วิสุทธิ์ นำตัว พ.ญ.ผัสพรไปกักขังที่อาคารวิทยนิเวศน์ ทำให้ปราศจากเสรีภาพ แม้คดีนี้จะไม่พบศพ แต่จากการตรวจชิ้นเนื้อที่พบโดยขั้นตอนทางวิทยาศาสตร์ ระบุได้ว่าเป็น พ.ญ.ผัสพร และเสียชีวิตแล้วด้วยวิธีแล่ชิ้นเนื้อเพื่ออำพรางการตาย

                ทำให้ศาลชั้นต้น พิพากษาให้ประหารชีวิต เช่นเดียวกับศาลอุทธรณ์ก็เช่นกัน การตรวจคราบเลือดในห้องพักอาคารวิทยนิเวศน์ไม่โปร่งใสนั้น ศาลเห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจที่เกิดเหตุ เป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ไม่ได้กระทำไปตามการชี้นำของสื่อมวลชน คราบเลือดที่พบในท่อน้ำทิ้งนั้น อาจจะไม่โดนน้ำยาฆ่าเชื้อทำลาย แม้ว่าระยะเวลาที่ตรวจพบจะห่างจากวันที่ น.พ.วิสุทธิ์เข้าพักนานถึง 32 วันก็ตาม  แต่ผลการตรวจดีเอ็นเอสามารถระบุได้ตรงกันว่าหลักฐานที่พบเป็นของ พ.ญ.ผัสพร

จิ๊ ก ซอ มนุษย์                น.พ.วิสุทธิ์ อุทธรณ์ว่า การแล่ชิ้นเนื้อมนุษย์ต้องใช้เวลานานประมาณ 5 ชั่วโมงนั้น พยานโจทก์ที่เป็นแพทย์นิติเวชเบิกความว่า หากผู้ชำแหละมีความชำนาญ สามารถแล่เนื้อมนุษย์ได้ภายในเวลา 3 ชั่วโมง น.พ.วิสุทธิ์เป็นแพทย์ที่ผ่านการผ่าทำคลอดมาแล้วมากมาย จึงมีความรู้ดี ชิ้นเนื้อที่ตรวจพบถูกหั่นให้มีลักษณะเป็นรูปกรวย เพื่อสะดวกในการไหลผ่านท่อน้ำทิ้ง การที่จำเลยอุทธรณ์นั้นฟังไม่ขึ้น

                จากพฤติการณ์ของ น.พ.วิสุทธิ์ ประกอบกับหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ประมวลเหตุได้ว่า หลังขับรถไปส่งลูกสาวที่โรงเรียนในตอนเช้า น.พ.วิสุทธิ์ได้นัดให้ พ.ญ.ผัสพรไปพบที่ร้านโออิชิ จากนั้นได้นำยาโดมิคุ่มซึ่งขอเบิกจากทาง รพ.ไว้ก่อนหน้านี้ แอบใส่ลงไปในน้ำให้ พ.ญ.ผัสพรดื่ม จนทำให้มีอาการเหม่อลอย

บันทึก รัก นวลฉวี

                 สอดคล้องกับหลักฐานที่พบ ระหว่างเวลา 13.00-16.00 น. ของวันเดียวกัน น.พ.วิสุทธิ์มีช่วงเวลาที่อยู่ในห้องพักอาคารวิทยนิเวศน์ ซึ่งเปิดเอาไว้ก่อนน้านี้

                  หลังจากนั้นตอนเย็นจึงขับรถไปรับลูกสาวกลับบ้าน ต่อจากนั้นจึงไปซื้อกระดาษชำระ ถุงขยะ ที่ห้างโรบินสัน โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีหลักฐานการซื้อสินค้าในห้างแห่งนี้อย่างชัดเจน

                 จนกระทั่งเวลาประมาณ 20.00 น.กลับเข้าที่พักที่อาคารวิทยนิเวศน์อีกครั้ง

                  เวลา 20.06 น. ได้ใช้โทรศัพท์ในห้องพักแห่งนี้ โทร.ออกไปหาคนไข้ 1 ครั้ง

                   มาถึงเวลา 21.38 น. ปรากฏหลักฐานว่า น.พ.วิสุทธิ์ ขับรถขึ้นทางด่วนบริเวณบ่อนไก่  พร้อมกันนี้ยังพบหลักฐาน การเปิดห้องพักที่โรงแรมโซฟิเทล เซ็นทรัล ลาดพร้าว เพื่อทิ้งชิ้นเนื้อและกระดูกบางส่วน ก่อนจะปลอมจดหมาย และลายมือชื่อขึ้นมาสองฉบับเพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่า พ.ญ.ผัสพรไปปฏิบัติธรรมที่ต่างจังหวัด

                 จนกระทั่งวันที่ 22 ก.พ.44 จึงไปแจ้งความว่า พ.ญ.ผัสพรหายตัวไป

                 จากเหตุการณ์ทั้งหมดชี้ชัดได้ว่า น.พ.วิสุทธิ์ฆ่า พ.ญ.ผัสพรโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซ่อนเร้นทำลายศพ ปิดบังการตาย การอุทธรณ์ของจำเลยทุกประเด็นฟังไม่ขึ้น

               จากพยานหลักฐานทั้งหมดรับฟังโดยปราศจากข้อสงสัย การที่ศาลชั้นต้นพิพากษานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืนให้ประหารชีวิต น.พ.วิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ สถานเดียว

                ทนายความของ น.พ.วิสุทธิ์ ได้ฎีกา ซึ่งศาลฎีกาจะอ่านคำพิพากษาในวันที่ 25 ก.ค.2550 นี้ หลังจากต่อสู้คดีมานานกว่า 6 ปี

คดี นวลฉวี ย้อน หลัง ไป เมื่อ 40 กว่า ปีก่อน

บทสัมภาษณ์ พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีหมอวิสุทธิ์ พยานหลักฐานใดที่นำมาสู่คำตัดสินประหารชีวิตหมอคนดังผู้นี้ ในข้อหาฆ่าหั่นศพภรรยาตัวเอง

 สิ้นสุดไปแล้วสำหรับคดี นพ.วิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ ที่ตกเป็นผู้ต้องหาฆ่าหั่นศพ พ.ญ.ผัสพร บุญเกษมสันติ ภรรยาตัวเอง เมื่อทั้งสามศาลมีคำตัดสินประหารชีวิตหมอคนดัง อะไรคือพยานหลักฐานสำคัญที่นำมาสู่คำพิพากษาเช่นนี้ “เทพชัย หย่อง” บรรณาธิการเครือเนชั่น สัมภาษณ์ พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนในรายการสยามเช้านี้ ทาง ททบ.5

 ถาม : จุดไหนหรือหลักฐานไหนที่ทำให้ตำรวจมั่นใจว่าหมอวิสุทธิ์คือผู้ต้องหาที่แท้จริง

 พล.ต.ท.จงรัก : ขอเรียนว่าคดีนี้ยุ่งยาก ตรงที่เบื้องแรกหมอวิสุทธิ์มาร้องทุกข์ว่าาภรรยาหายไป เป็นที่หนักใจมาก เพราะการดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดต้องลบภาพความเป็นผู้เสียหายเป็นผู้ต้องหา ไม่เหมือนคดีทั่วไป การสอบสวนยุ่งยากมาก เพราะไม่มีหลักฐานใดๆ ตำรวจไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะตรวจค้นบ้านหมอวิสุทธิ์เลย เพราะเขาเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย

 ถาม : ตรงไหนที่ทำให้ตำรวจเริ่มสงสัยและคิดว่าหมอวิสุทธิ์น่าจะรู้เรื่องการหายตัวของภรรยา

 พล.ต.ท.จงรัก : การสอบสวนเบื้องแรกยังปักใจเชื่อว่าภรรยาหายไป นานเข้าระหว่างสอบสวนก็จับพิรุธบางสิ่งบางอย่าง จนกระทั่งครั้งสุดท้ายเมื่อ พล.ต.ต.สฤษฎ์ชัย เอนกเวียง อดีต ผกก.สส.น.1 และตำรวจฝ่ายสืบสวนช่วยกันแสวงหาหลักฐาน จนมาพบภาพที่ร้านอาหารโออิชิ ในภาพที่ประคอง พญ.ผัสพร ออกมา อันนั้นเป็นจุดเริ่มแรก

 ถาม : ทำไมถึงคิดว่าต้องโออิชิเท่านั้น ถึงจะได้ภาพนี้มา

 พล.ต.ท.จงรัก : เป็นเทคนิคการสอบสวน หมอวิสุทธิ์อยู่ตรงไหน อยู่จุฬาฯ บริเวณใกล้เคียงมีร้านอาหารมากมาย อาจจะมีร้านหนึ่งร้านใดที่มีกล้องวงจรปิด ตำรวจใช้ความพยายามอย่างยิ่ง ไปขอเทปมาและขอดู จนกระทั่งมาพบที่นี่ พอเห็นภาพต้องมาวิเคราะห์ เรารู้ภูมิหลังว่าหมอวิสุทธิ์และ พญ.ผัสพร มีปัญหาหย่าร้างกัน ไม่ถูกกัน ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน หมอวิสุทธิ์เรียกมาหลายครั้ง พญ.ผัสพร จะไม่มาในลักษณะสองต่อสอง เพราะจะถูกทำร้าย แต่ภาพประคองนี่มันผิดสังเกต ผิดวิสัยคนไม่ถูกกัน คนมีปัญหาหย่าร้างกัน ก็ต้องเอาจุดนี้เป็นจุดเริ่มแรก  หลังจากพบภาพนี้แล้ว ก็สืบสวนว่า ทำไมถึงประคองอย่างนั้น ไปถามพยานในร้าน พนักงานร้านก็สงสัยเหมือนกันว่า ทำไม พญ.ผัสพร นั่งซึมๆ ก็ไปถามหมอวิสุทธิ์ว่าภรรยาเป็นอะไร หมอวิสุทธิ์บอกว่าเมาพันช์ ก็ย้อนถามพนักงานว่า ร้านนี้ขายแอลกอฮอล์ไหม ก็บอกไม่มี มีแต่น้ำผลไม้ นี่ข้อสงสัยประการแรก  จากนั้นมาไม่มีใครเห็นหมอผัสพรอีกเลย เป็นจุดสุดท้ายที่พบทั้งคู่อยู่ด้วยกัน ก็ถามว่า การกระทำอย่างนี้จะเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีได้ไหม เผอิญผมไปพบคำพิพากษาศาลฎีกาฉบับหนึ่งทำนองนี้เหมือนกัน สามีไม่ถูกกับภรรยา มีคนเห็นสุดท้ายอยู่ด้วยกันและภรรยาหายไป ศาลลงโทษข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว เพราะถูกพาไปแน่ เพราะหายไปเลย แต่ลงโทษฆ่าผู้อื่นไม่ได้เพราะศพไม่มี เอาจุดนี้เป็นจุดเริ่มดำเนินคดี ผมสั่งให้โอนคดีจาก สน.พญาไท ที่หมอวิสุทธิ์แจ้งเมียหาย ไปที่ สน.ปทุมวัน ซึ่งมีภาพสุดท้ายที่เห็นประคองกันออกไป ตั้งข้อหาแรกคือหน่วงเหนี่ยวกักขัง เป็นจุดที่ทำให้เรามีอำนาจ พอเป็นผู้ต้องหาปั๊บก็มีอำนาจตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาที่จะตรวจค้นแสวงหาพยานหลักฐานได้

 ถาม : ทั้งสองคนทะเลาะกันมาตลอด อะไรที่เป็นแรงกระตุ้นสุดท้ายที่ให้หมอต้องทำอย่างนั้น

 พล.ต.ท.จงรัก : มีหลายสาเหตุเหลือเกินที่ตรวจสอบมา บางสิ่งบางอย่างบอกตรงๆ ว่าระหว่างสอบสวนได้รับการขอร้องเหมือนกันว่า ไม่ให้เปิดเผยในสิ่งที่ให้การเสื่อมเสียถึงบุคคลภายนอก มีปัจจัยหลายอย่างที่เห็นว่าหมอวิสุทธิ์มีแรงจูงใจเรื่องนี้ โดยเฉพาะเรื่องการฟ้องหย่า หรืออะไรก็ตาม ตำรวจตั้งข้อสันนิษฐานว่า หมอผัสพรตายใครได้ประโยชน์ ผมก็ดูหมด หมอวิสุทธิ์ได้ประโยชน์ นี่เป็นหลักการในคดีอาชญากรรมทั่วไปเลย ถ้าเผื่อหมอผัสพรหายสาบสูญเกิน 3 ปี ถือเป็นคนสาบสูญทางกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หมอวิสุทธิ์จะเป็นผู้จัดการทรัพย์สิน จัดการทุกอย่าง และมีสิทธิไปแต่งงานกับหญิงอื่นได้ด้วย อันนี้เราต้องพุ่งเป้าไปที่หมอวิสุทธิ์ด้วยว่ามีพฤติกรรมพิรุธอะไรบ้าง

 ถาม : ที่ยากที่สุดในคดีนี้ คือ อาวุธในการฆาตกรรมก็ไม่มีเป็นหลักฐานและศพก็ไม่พบ ตอนนั้นคนก็สงสัยว่าไม่มีหลักฐานสองชิ้นจะทำให้คดีนี้เดินหน้าได้อย่างไร

 พล.ต.ท.จงรัก : ช่วงนั้นเป็นแรงกดดันเยอะ หมอวิสุทธิ์เป็นคนมีชื่อเสียง มีแรงต้านเยอะจากบรรดาหมอทั่วไป หมอวิสุทธิ์เป็นคนดี แต่ต้องทำตามหน้าที่ ก็แสวงหาพยานหลักฐาน คนจะฆ่ากันไม่มีใครมาฆ่าให้ใครเห็นหรอก ต้องไปหาที่เร้นลับ ไม่มีใครเห็น เพื่อกระทำความผิด เมื่อประจักษ์พยานไม่มี เราก็จำเป็นต้องหาพยานแวดล้อม ผมศึกษาคำพิพากษาศาลฎีกาและเคยมีบางครั้งศาลพิพากษาลงโทษแม้ไม่มีประจักษ์พยานก็ตาม แต่สามารถนำสืบให้ศาลเห็นว่า พฤติกรรมแวดล้อมกรณีเชื่อว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดศาลก็ลงโทษ เราก็เริ่มต้นหาพยานหลักฐานตลอดมา

 ถาม : ศพที่ทำลายเท่าที่ตำรวจสืบสวนข้อมูลใช้เวลาชำแหละนานเท่าไร  พล.ต.ท.จงรัก : อันนี้ผมสอบถามแพทย์ผู้ชำนาญบอกว่า คนที่ชำนาญในเรื่องการเป็นหมอแล่เนื้อใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง สามารถทำได้หมด  ถาม : ที่เป็นข่าวมา มีสองจุดที่มีการทำลาย คือ อาคารที่พักที่จุฬาฯ และอีกที่หนึ่ง โรงแรมโซฟิเทล ข้อมูลที่ได้มาที่เดียวไม่พอทำลายศพ  พล.ต.ท.จงรัก : คือมีจำนวนมาก ชิ้นส่วนบางอย่างมีมาก 3,300 กรัม แบ่งส่วนหนึ่งจนกระทั่งล้นแล้ว แต่ส่วนที่โซฟิเทลไม่สำคัญเท่าที่จุฬาฯ  ถาม : หมอปฏิเสธตลอด ตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้าย  พล.ต.ท.จงรัก : ผมสอบสวนหมอจนสนิทสนมกัน ปฏิเสธตลอด แต่ไม่มีเหตุผลในข้อปฏิเสธ คือคดีนี้หมอไม่ยอมให้การใดๆ ในชั้นสอบสวน แต่เวลาคุยกันคุยได้หมด แต่ว่าจะสอบปากคำไม่ขอให้การ  ถาม : สอบปากคำหมอวิสุทธิ์จนเป็นเพื่อนกันแล้ว การพูดจาหรือบุคลิกคุณหมอต่อหน้าตำรวจเป็นอย่างไร

 พล.ต.ท.จงรัก : หมอเป็นคนเฉยๆ สุภาพจริงๆ พูดถึงความผูกพันมีอยู่ เป็นเรื่องที่แปลกประหลาด 3 เดือนก่อนถูกจับ ไปงานแต่งงานร่วมโต๊ะเดียวกัน มีท่านเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง มีหมอวิสุทธิ์ เขาเสิร์ฟปลาจะละเม็ดบนโต๊ะ หมอวิสุทธิ์เป็นคนแล่ปลาแจก ท่านเจิมศักดิ์บอกว่ายังเสียว สอบมานานจนเป็นเรื่องผูกพัน ล่าสุดเมื่อวานนี้ผมบอกหมอ ผมทำตามหน้าที่ ผมก็เห็นใจครับ ยกมือไหว้ผม สุภาพมาก

 ถาม : ยิ่งคุยกับหมอมาก ท่านในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนมั่นใจ

 พล.ต.ท.จงรัก : มั่นใจครับ หลักฐานที่ปรากฏทีละอย่าง โดยเฉพาะคืนที่เขาไปพักวิทยนิเวศน์ ที่เราพิสูจน์ได้ว่าเข้าไปแล่หั่นศพในนั้น ที่ไปตรวจคราบเลือดได้มา ผมสอบย้อนหลังไปที่ห้องข้างเคียงซึ่งปรากฏว่าตามตัวไม่ได้ แต่สอบจนกระทั่งได้ทราบว่านอนอยู่ข้างๆ ทำไมห้องหมอวิสุทธิ์กดชักโครกทั้งคืน เมื่อหั่นชิ้นศพก็ต้องกดทั้งคืน และไปดูอีกว่าซื้อกระดาษชำระหลายม้วนเป็นโหลๆ คนท้องเสียอย่างไรก็ใช้ไม่เกิน 2 ม้วนหรอก แต่พยานไปต่างประเทศไม่งั้นมีมากกว่านี้

 ถาม : แง่ของการสืบสวนสอบสวน บทเรียนจากคดีนี้คืออะไร

 พล.ต.ท.จงรัก : บทเรียนจากคดีนี้ในเรื่องการหย่ากัน และอีกเรื่องเราสามารถสร้างบรรทัดฐาน เน้นหนักให้เห็นว่าคดีบางคดีแม้ไม่มีประจักษ์พยาน พยานแวดล้อมที่ชี้ชัดสามารถทำให้ศาลลงโทษได้ อันนี้เป็นการข่มขู่อาชญากรในอนาคตด้วย ทุกวันนี้ข่มขืนแล้วฆ่า ปิดปากพยาน ทั้งนี้ ฝากเตือนด้วยว่า เมื่อคิดว่าทำอย่างนั้นแล้วอย่าคิดว่าจะรอด คดีนี้ใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มากมายหลายชิ้นเป็นเครื่องพิสูจน์ทำให้ศาลเชื่อ เพราะมันตรงไปตรงมา เพราะมันถูกจ้างให้โกงไม่ได้

ข่าว ดังข้ามเวลา ด ช 13


 ปริศนาฆ่าเงียบ

คดี ข้าม เวลา

ย้อนคดีดัง วันนี้คดีนายแพทย์วิสุทธิ์ ฆาตกรรมภรรยาตัวเองก็ถึงจุดสิ้นสุด ศาลฎีกาตัดสินสินยืนยันตามศาลชั้นต้นและศาลอุธรณ์ ประหารชีวิต คนกระทำผิดได้ถูกลงโทษตามกฎหมายแล้ว  แต่วันนี้คนดูข่าวอย่างเราๆ คงได้รู้จักกับยาตัวหนึ่งที่มีฤทธิ์อย่างแรง เป็นทั้งยาที่ช่วยรักษาคน และ ยาที่ทำให้เกิดอันตรายกับผู้อื่นได้ถ้าอยู่ในมือของคนไม่ดี

” จากการนำสืบของโจทก์ยังระบุด้วยว่าจำเลยเคยสั่งซื้อยาดอมิคุมซึ่งเป็นยานอนหลับ 30 เม็ดก่อนผู้ตายจะหายตัวไปประมาณ 2 เดือนเศษ โดยอ้างว่าให้นางเตียง แซ่แต้ มารดาของจำเลยทั้งที่ไม่เคยมีประวัติการใช้ยาตัวนี้มาก่อน ซึ่งสอดคล้องกับคำเบิกความของแพทย์ที่รักษานางเตียงว่าคนไข้รายนี้มีอาการเป็นหลอดลมอักเสบ ซึ่งไม่ต้องใช้ยาดังกล่าวรักษา ดังนั้นจึงเป็นข้อพิรุธของจำเลย ซึ่งบ่งชี้ว่าจำเลยไม่ได้นำยาไปใช้กับมารดาจริง แต่มีเหตุน่าเชื่อว่านำไปใช้กับผู้ตาย ” ปริศนาฆ่าเงียบ

แนะนำ

เครดิต www.youtube.com